ศักดิ์ศรีกินกันไม่ลง “สิงโตคำราม” แม้ว่าจะครอบครองบอลมากยิ่งกว่าแม้กระนั้นเจาะแนวรับของสกอตแลนด์ศูนย์รวมพลังสู้กันได้ดี
ศักดิ์ศรีกินกันไม่ลง “สิงโตคำราม” แม้ว่าจะครอบครองบอลมากยิ่งกว่า แม้กระนั้นเจาะแนวรับของสกอตแลนด์ ศูนย์รวมพลังสู้กันได้ดี ก่อนที่จะเท่ากันแบบไม่มีสกอร์ 0-0 แบ่งแต้มกันไปอย่างสมศักดิ์ศรี ทำให้ อังกฤษ มีเพิ่มเป็น 4 แต้ม
เท่ากับเช็กแต่ว่าลูกได้เสียด้อยกว่าทำให้ยึดเพียงแค่รองหัวหน้าฝูง ส่วนทัพ “ตาร์ตัน” รั้งบ๊วยมีแต้มเดียวจำต้องไปชี้ชะตาเข้ารอบกันในเกมท้ายที่สุดที่แข่งขันพร้อม ในศึกยูโร 2020 เมื่อคืนนี้วันศุกร์ก่อนหน้าที่ผ่านมา สนาม : เวมบลีย์, ลอนดอน
ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบท้ายที่สุด เมื่อคืนนี้วันศุกร์ที่ 18 เดือนมิถุนายนที่ผ่าน เป็นการชิงชัยนัดหมายลำดับที่สองของ กลุ่ม ดี ระหว่าง อังกฤษ ที่เกมเปิดฉากสนามแทรกเอาชนะ โครเอเชีย 1-0 เจอกับคู่แข่งขันเพื่อนบ้านอย่าง สกอตแลนด์ ที่เกมเริ่มได้น่าผิดหวังข้างหลังพ่ายแพ้ให้ เช็ก 0-2 ทำให้เกมนี้กองทัพ “ตาร์ตัน” หวังจะมีแต้มจากเกมที่ศักดิ์ศรีนี้ให้ได้
แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ของกองทัพ “สิงโตคำราม” แปลงสองตำแหน่งจาเกมที่แล้วโดยปรับตำแหน่งฟูลแบ็กสองข้างส่งอีกทั้ง รีซ เจมส์ รวมทั้งลุค ชอว์ ลงไปแทน ไคล์ วอล์คเกอร์ และก็คีแรน ทริปเปียร์ ส่วนตำแหน่งอื่นยังดังเดิมใช้ เมสัน เมาน์ท คุมกลางส่วนสามแนวรุกยังเป็น ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน รวมทั้งราฮีม สเตอร์ลิง ผู้ซัดประตูชัยเหนือ โครแอต ในเกมปัจจุบัน
ด้าน สตีฟ คล้าร์ก ผู้จัดการทีมฟุตบอลของกองทัพตาร์ตันเปลี่ยนแปลงถึง 4 ตำแหน่งส่ง คีแรน เทียร์นี่ย์ ลงไปยืนสามเซ็นเตอร์แบ็ก พร้อมที่จะจัดส่ง คัลลั่ม แม็คเกรเกอร์ ห้องเครื่องจากเซลติกไปคุมกลางร่วมกับ บิลลี่ กิลมัวร์ ส่วนแนวรุกเปลี่ยนแปลงมาใช้ เช อดัมส์ ล่าตาข่ายร่วมกับ ลินดอน ไดค์ส ในช่วงเวลาที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ถูกถอดให้ลงไปยืนเซ็นเตอร์แบ็ก
ศักดิ์ศรีกินกันไม่ลง ออกตัวเกมครึ่งแรก มาได้เพียงแค่ 3นาที เปลี่ยนเป็นกองทัพตาร์ตันที่เกือบจะได้ลุ้นขึ้นนำข้างหลัง สตีเฟ่น โอดอนเนลล์ หลุดกับล้ำหน้าเข้าไปถึงเส้นข้างหลังก่อนหักมาเสาแรกให้ เช อดัมส์ ซัดไปติดบล็อคจอห์น สโตนส์ที่กีดกั้นยิงไม่ให้กองทัพอังกฤษเสียประตู ข่าวกีฬาฟุตบอลลิเวอร์พูล
แบ่งแต้มกันไปอย่างสมศักดิ์ศรี ทำให้อังกฤษ มีเพิ่มเป็น 4แต้ม
ศักดิ์ศรีกินกันไม่ลง นาที11 เป็นช่องทางแรกของกองทัพ สิงโตคำราม ข้างหลัง ฟิล โฟเด้น เลี้ยงจี้เข้าในกรอบจุดโทษก่อนไหลเข้ากึ่งกลางถึง เมสัน เมาน์ท ปั่นไปติด แกรนท์ แฮนลี่ย์ แนวรับกองทัพวิสกี้ เป็นเตะมุม และก็จากจังหวะตลอดจากลูกมุมธงทางขวา เมสัน เมาน์ท เปิดมากมายลางประตูให้ จอห์น สโตนส์ ลอยตัวโดดเดี่ยวๆขึ้นกระแทกบอลอย่างงดงาม แม้กระนั้นบอลพุ่งไปชนเสาอย่างโชคร้าย
เป็นตอนเวลาของอังกฤษที่โหมบุกเข้าใส่โดยตลอด อีกสองนาทีต่อมา ราฮีม สเตอร์ลิง ฉกบอลจากแม็คโทมิเนย์ก่อนปาดเข้าไปในกรอบ 6 หลาให้ เมสัน เมาน์ท สอดมายิงเสาแรกแม้กระนั้นเจ้าตัวซัดหลุดกรอบออกไป นาที18 คาลวิน ฟิลลิปส์ หยอดบอลกว่าครึ่งสนามให้ ฟิล โฟเด้น เกี่ยวบอลหลุดเข้าไปซัดบอลผ่าน เดวิด มาร์แชลล์ ไปแล้ว
แม้กระนั้นบอลถากเสาออกไปอย่างโชคร้าย กระนั้นมีธงจากไลน์แมนก่อนผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าของ โฟเด้น ก่อน นาที22 เป็นช่องทางของ สกอตแลนด์ บ้างข้างหลัง จอห์น สโตนส์ กระแทกบอลสกัดไปเข้าทาง คีแรน เทียร์นี่ย์ ที่เก็บจากแถวสองวอลเลย์ตามน้ำสวนไปแม้กระนั้นบอลโผบินคานไปไกล
นาที30 กองทัพตาร์ตันลุยขึ้นมาทางด้านซ้าย คีแรน เทียร์นี่ย์ ล็อคหนี รีซ เจมส์ ก่อนเปิดด้วยขวาไปเสาไกลให้ สตีเฟ่น โอดอนเนลล์ วอลเลย์ด้วยขวาบอลพุ่งผ่าน ลุค ชอว์ ไปสุดแท้แต่ยังไปติดเซฟของ พิคฟอร์ด หากแม้บอลจะกระดอนมาเข้าทาง เช อดัมส์ แต่ว่าโหม่งซ้ำหลุดกรอบออกไป
ด้านหลังครึ่งแรก “ทัพวิสกี้” ครอบครองบอลกว่าสองนาทีก่อนที่จะ เช อดัมส์ จะได้บอลนอกกรอบก่อนตะบันด้วยขวาเน้นๆแต่ไปติดบล็อค ไทโรน มิงส์ แนวรับผู้ดีออกข้างหลังไป จบครึ่งแรก เกมออกจะทันกัน แต่ว่ายังสู้กันสนุกสนานดุเด็ดเผ็ดมันทำให้ยังเจาะกันไม่เข้า อังกฤษ ยังเสมอกับ สกอตแลนด์ 0-0
กลับมาบู๊กันต่อในช่วงหลัง ทัพสิงโตคำรามโหมบุกเข้าใส่อย่างมาก นาที48 ลุค ชอว์ ผ่านบอลแม้กระทั่ง เมสัน เมาน์ท ตะบันนอกกรอบด้วยขวาสุดแรงบอลพุ่งกระทั่ง เดวิด มาร์แชลล์ จำต้องปัดบอลออกไป อังกฤษ ยังครอบครองบอลได้มากกว่ารวมทั้งบุกกดดันเข้าใส่ นาที54
แฮร์รี่ เคน ดึงจังหวะก่อนป้ายออกขวาให้ รีซ เจมส์ เพิ่มเติมมาซัดสุดแรงเกิดบอลพุ่งหลุดเสาออกไป สกอตต์ตอบโต้มาบ้าง นาที57 เช อดัมส์ สร้างช่องทางให้ตนเองแม้กระนั้นยังซัดไปติดบล็อคแนวรับอังกฤษ อีกสองนาทีถัดมา แฮร์รี่ เคน ลากจากขวาเข้ามาในกรอบแล้วอัดด้วยซ้าย
แต่ว่ายังมีหน้าแข้งวิสกี้พุ่งมาขวางไว้ได้ทัน นาที62 กองทัพสิงโตขู่คำรามรอดตัวจากการเสียประตู ข้างหลังบอลตลอดจากลูกเตะมุมบอลมาถึง เช อดัมส์ วอลเลย์ด้วยขวาในกรอบ บอลพุ่งไปเสาไกลกำลังจะเข้าอยู่สุดแต่ไปติด ไทโรน มิงส์ ที่กระแทกสกัดออกมาจำพวกเฉียด
นาที63 แกเร็ธ เซาธ์เกต สลับตัวคนแรกถอด ฟิล โฟเด้น ออกแล้วส่ง แจ็ค กรีลิช ลงมาเล่นแทน นาที74 ลุค ชอว์ เล่นกับ เมสัน เมาน์ท ก่อนบอลจะหลุดมาเข้าทาง ชอว์ อีกครั้งแล้วอัดด้วยซ้ายบอลพุ่งหลุดกรอบทางเสาไกลออกข้างหลังไปอย่างสุดเสียว ด้านหลังเกมเป็นช่วงเวลาของกองทัพวิสกี้
นาที78 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสแรงไปเสาแรกจะให้ ไดค์ส ขึ้นกระแทกแต่ว่ายังโดนแนวรับอังกฤษสกัดแม้กระนั้นไปเข้าทาง เช อดัมส์ ที่อยู่เสาไกลวิ่งมาซัดแบบไม่จับบอลปลิ้นเหินคานออกไป จบเกม อังกฤษ ทำอะไร สกอตแลนด์ ไม่ได้เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0
แบ่งแต้มกันไปทำให้ “สิงโตคำราม” มีเพิ่มเป็น 4 แต้มเท่ากับเช็กแต่ว่าลูกได้เสียด้อยกว่าทำให้รั้งรองผู้นำฝูง ส่วนกองทัพตาร์ตัน รั้งบ๊วยสุดของตารางมีเพียงแค่ 1 คะแนน จะต้องไปชี้ชะตาเข้ารอบกันในเกมในที่สุดที่เตะพร้อม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม อังกฤษ (4-3-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด ; รีซ เจมส์, จอห์น สโตนส์, ไทโรน มิงส์, ลุค ชอว์ ; คาลวิน ฟิลลิปส์, เดแคลน ไรซ์, เมสัน เมาน์ท ; ฟิล โฟเด้น (แจ็ค กรีลิช น.63), แฮร์รี่ เคน (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.74), ราฮีม สเตอร์ลิง
ศักดิ์ศรีกินกันไม่ลง ผู้ฝึกสอน : แกเร็ธ เซาธ์เกต สกอตแลนด์ (3-5-2) : เดวิด มาร์แชลล์ – แกรนท์ แฮนลี่ย์, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – สตีเฟ่น โอดอนเนลล์, คัลลั่ม แม็คเกรเกอร์ , บิลลี่ กิลมัวร์ (สจวร์ต อาร์มสตรอง น.76), จอห์น แม็คกินน์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ลินดอน ไดค์ส, เช อดัมส์ (เควิน นิสเบ็ท น.86) ซูเปอร์ซับทีเด็ด