รุกไม่มีกลัว หงส์แดงเปิดฉากศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป บี ด้วยการเปิดรังแอนฟิลด์ เชือดเอซีมิลาน 3-2

รุกไม่มีกลัว โดยแมตช์นี้ “ลิเวอร์พูล” ได้โอกาสทำประตูเยอะแยะ แม้กระนั้นโชคร้ายที่ขาดความเฉียบคม แมตช์นี้ “เดอะ เร้ดส์” มีความสะดุดตาอย่างยิ่งในจังหวะการเล่นเกมบุก แต่ว่าสิ่งที่หายไปเป็นความจบสกอร์ที่แน่ๆ

ในตอนที่มิลาน ถือว่าเป็นการเปิดฉากการกลับมาเล่นถ้วย “บิ๊กเอียร์” ทีแรกในรอบ 7 ปี แม้ว่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านมือเปล่า แม้กระนั้นพวกเขาก็สู้ได้สุดมันด้วยเหมือนกัน มาตำหนิป เข้มแข็งคุมแนวรับอยู่หมัด ผลงานของ โฌแอล มาติป

ในขณะนี้นับว่าเป็นแผงหลังที่สาวก “เดอะ ค็อป” เชื่อใจได้เท่าๆกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โดยเกมนี้เขาปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าในแผงแบ็กโฟร์ได้ดีเยี่ยม แล้วก็ช่วยประคอบ โจ โกเมซ ทำให้สามารถเล่นได้อย่างไม่บีบคั้น

การที่ คล็อปป์ ตกลงใจดร็อป ฟาน ไดค์ คงจะส่งผลมาจากเรื่องสภาพร่างกายเนื่องจากเอาเข้าจริงๆแนวรับชาวดัตช์ คงจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จนถึงสามารถลงสู่สนามต่อเนื่องกันหลายเกม เปิด4นักฟุตบอล

แต่เกมรับของเจ้าของบ้านยังมองแกร่งเพราะเหตุว่าได้ มาติป รอปฏิบัติหน้าที่เป็นพี่ใหญ่คุมสถาานการณ์ได้หมด แม้ไม่นับตอน 5 นาทีท้ายที่สุดของครึ่งแรก ตลอดทั้งเกม มาติเตียนป สามารถจัดแจงเกมบุกของมิลาน ได้หมด

จังหวะจัดการบอลถูกต้องแม่นยำ การสกัดลูกโด่งที่เด็ดขาด รวมทั้งยังมีการโชว์สเต็ปขึ้นไปทำเกมบุกด้วย ในส่วนของการขึ้นไปบีบคั้นแนวรับของ “ปีศาจแดงดำ” ตอนที่หงส์แดง ได้ลูกเตะมุมก็ทำเป็นดี

แล้วก็เกือบจะทำแต้มได้โชคร้ายที่จังหวะโหม่งของเขาไปตรงตัว ไมค์ เมนญอง โดยรวมแล้วผลงานของ มาติป ในแมตช์นี้ดีมากมายๆก็เลยไม่ฉงนใจว่าเพราะเหตุไร อิบราฮิม่า โกนาเต้ จำเป็นต้องนั่งตบยุงอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองตั้งแต่เปิดฤดูกาล

ถ้าไม่กำเนิดอาเพศโดนโรคเดี้ยงพรากออกมาจากสนามแข่งขัน งานนี้บอกเลยว่า มาติป กับ ฟาน ไดค์ น่าจะเป็นคู่แนวรับที่ คล็อปป์ จะใช้ไปยาวๆตลอดทั้งฤดูนี้ ส่วน โกเมซ กับ โกนาเต้ จำต้องคอยโอกาสของพวกเขาเพียงแค่นั้น

รุกไม่มีกลัว

รุกไม่มีกลัว เล่นไม่กลัวกระทั่งเกือบจะพังทลาย

รุกไม่มีกลัว ตั้งแต่ต้นเกมจนตราบเท่าเสียงนกหวีดยาวจากปากท่านเปาดังสนั่นสนาม แฟนบอล “ลิเวอร์พูล” คงจะรู้สึกได้ถึงความสนุกสนานร่าเริงมันตื่นเต้นกับสไตล์การเล่นที่โคตรดุเดือดเช่นเดียวกันกับดนตรีเฮฟวี่ เมทัล ที่สาดใส่เอซีมิลาน ประเภทที่มิได้หายใจหายคอกันอย่างยิ่งจริงๆ

รุกไม่มีกลัว การเล่นในสไตล์ “เกเก้นเพรสซิ่ง” ทำเอา “รอสโซเนรี่” เปิดแบบเรียนพิชัยยุทธต่อกรแทบจะไม่ทัน ท้ายที่สุดมาเสียประตูจากการขึ้นเกมที่ยอดเยี่ยมของ “ลิเวอร์พูล” ก่อนที่จะจบที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ซัดไถลแนวรับผู้มาเยือนเข้าประตู

ตลอดตอน 40 นาทีที่หงส์แดง เริ่มไล่ยำมิลาน เกือบจะไม่มีอะไรติเตียนเลยเนื่องจากว่าพวกเขาเล่นเกมบุกได้ดุเดือด ส่วนเกมรับก็เกือบจะไม่ต้องดำเนินงานด้วยเหตุว่า มิลานมัวแต่เปิดหนังสือเรียนตั้งรับกระทั่งเกือบจะโงหัวไม่ขึ้น แม้กระนั้นสิ่งที่น่าต่อว่าก็คือความเด็ดขาดสำหรับเพื่อการทำประตู รวมทั้งการเล่นติดประมาทเหลือเกินหน่อย

ตอน 5 นาทีท้ายที่สุด มิลานขึ้นเกมมาแบบมิได้อยากได้ลุ้นอะไรมากเท่าไรนัก เสมือนจะผลาญเวลาให้หมดไปเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นพวกเขากลับได้สองประตู เพราะว่าการเล่นที่ไม่รัดกุมของเกมรับเจ้าของบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยืนตำแหน่งที่งงมากมั่วนิ่มราวกับไม่มีสมาธิ ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้ คล็อปป์ เข้าไปสวดผู้ร่วมทีมยับในเวลาพักครึ่ง

ช่วงหลังการขาดสมาธิก็แทบทำให้กลุ่มจะต้องกลายเป็นรอง 3-1 แม้กระนั้นโชคดีจังหวะยิงของ ไซม่อน เคียร์ เป็นลูกล้ำหน้า แม้กระนั้นต่อจากนั้นดูอย่างกับว่าเกมของหงส์แดง จะเล่นอย่างมีสมาธิไม่บุกเพลิดเพลินจนกระทั่งทำให้เสียตำแหน่ง แล้วก็สามารถควบคุมสถานการณ์เกมยอมรับได้แน่นแฟ้น

ในขณะที่เกมรุกยังคงอันตรายในทุกจังหวะ อย่างเดียวที่จะต่อว่าในแมตช์นี้ก็คือการบุกเพลิดเพลินกระทั่งออกอาการประมาทมากมายไปหน่อย แถมไม่สามารถที่จะจบสกอร์ได้เฉียบคมทำให้คู่ปรปักษ์ได้โอกาสฟื้น แล้วก็แทบส่งผลให้เกิดหายนะ ผลบอลสดภาษาไทย

เจ็ดปีที่รอของมิลาน สเตฟาโน่ ปิโอลี่ สามารถนำเอซีมิลาน กลับมาสู่เวทีใหญ่ที่สุดในเกมบอลถ้วยยุโรป ซึ่งพวกเขาเคยมีอำนาจมานานในช่วงปลายสมัย 80 จนกระทั่งกึ่งกลางสมัย 90 นี่เป็นสิ่งที่แฟนบอลมิลาน รอคอยมาตลอดกับบรรยากาศช่วงเวลาค่ำคืนตอนกึ่งกลางอาทิตย์

จะว่าไปแล้ว “ปีศาจแดงดำ” มาเยี่ยมถิ่นแอนฟิลด์ด้วยฟอร์มที่อันตรายพอเหมาะพอควร โดยผลงานในลีกของพวกเขาก็เหมาะสมที่สุดเมื่อกลุ่มชนะมา 4 เกมต่อเนื่องกันรวมทุกรายการ แต่พวกเขาจำต้องมาเจอกับเจ้าของบ้านที่ฟอร์มกระฉูดไม่แพ้กัน

จำต้องสารภาพว่า ปิโอลี่ แอนด์ โค. อาจไม่เคยพบกับสไตล์การเล่นที่ไล่เพรสซิ่งตั้งแต่กรอบจุดโทษคู่ปรปักษ์ราวกับที่หงส์แดง บ่งบอกถึง ขณะที่พวกเขาปะทะกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยโดนเกมบุกแบบบ้าดีเดือดประเภทที่ไม่ให้หายใจหายคอแบบงี้ด้วย

อย่างเดียวที่จำเป็นต้องพูดว่า “รอสโซเนรี่” รอดการเสียประตูเป็นกระบุงก็เพราะว่า “เดอะ เร้ดส์” ไม่เด็ดขาด ส่วนจังหวะที่พวกเขาได้สองประตูก็จะต้องชูเครดิตสำหรับการเล่นเกมรุก แม้กระนั้นช่วงเวลาเดียวกันก็จำต้องจวกแนวรับหงส์แดง ที่ดันงงตำแหน่งจนถึงโดนลงโทษอย่างที่มองเห็น

การกลับคืนสู่เวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก ของมิลาน จะต้องบอกเลยว่าพวกเขายังมีงานสุดหินรออยู่ทั้งยังการเจอกับ แอตเลติโก มาดริด และก็เอฟซี ปอร์โต้ ถ้ายังต้องการจะไปให้ไกลกว่านี้ ปิโอลี่ จำเป็นต้องรีบกระตุ้นกลุ่มอย่างรวดเร็ว

รุกไม่มีกลัว

ดินแดนกึ่งกลางแน่น-ฟูลแบ็กเพิ่มเกมสุดมัน

รุกไม่มีกลัว คล็อปป์ ตกลงใจส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เล่นร่วมกับ นาบี เกอิต้า แล้วก็ ฟาบินโญ่ ซึ่งนับว่าเป็นแผงมิดฟิลด์ที่ทำผลงานได้อย่างอดทน แล้วก็จัดแจงไม่ให้กองกลาง “รอสโซเนรี่” ได้ปั้นเกมอย่างที่จิตใจปรารถนาได้เลย

“กัปตันเฮนโด้” กับ ฟาบินโญ่ ใส่ผสานการเล่นได้อย่างพอดีโดยในรายของ เฮนเดอร์สัน รอช่วยตัดเกม ผ่านบอลแถมยังสร้างช่องทางให้เพื่อนฝูงร่วมกลุ่มได้เพียงพอ 3 ครั้ง แล้วก็ทำประตูสุดงามซะด้วย

ในขณะที่ กองกลางกลุ่มชาติบราซิล รอปฏิบัติหน้าที่เชื่อมเกมแล้วก็คุมจังหวะ มีบางครั้งบางคราวที่วิ่งใส่ขึ้นไปบีบคั้นแนวรับมิลาน ส่วน เกอิต้า แมตช์นี้เล่นได้ดีไม่แพ้กัน ทั้งยังการวิ่งเพิ่มเกมที่เร็วทันใจ, แย่งบอลจากคู่แข่งขันได้แม่น และก็ยังอุตสาหะเลี้ยงบอลทะลุผ่านเข้าไปในกรอบจุดโทษมิลานด้วย

ส่วนสองฟูลตัวบุกปีกซ้าย-ขวาจำต้องบอกเลยว่าปอดกับหัวใจเสริมใยเหล็กมาหรือไม่ เพราะว่าอีกทั้ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แล้วก็ “เจ้าหนูเทรนต์” วิ่งขึ้นวิ่งลงแบบไม่เคยรู้เหนื่อยล้า ซึ่งทำให้เกมทางกราบมีความอันตรายรวมทั้งแทบช่วยทำให้กลุ่มได้ประตูบ่อยครั้งหลายหน

ในส่วนของ โรเบิร์ตสัน ไม่มีอะไรจะต้องต่อว่าเนื่องจากว่าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างพอดี ทั้งยังวิ่งดันเกมรุกสร้างจังหวะให้กลุ่มได้พอๆกับ “เฮนโด้” ในขณะที่เกมรับก็เล่นได้เนียนตา ส่วน อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ยังคงดังเดิม เกมรุกดีเกมรับพลาด

โดยสองประตูที่กลุ่มเสียก็มาจากการควบคุมไม่ดีทางฝั่งขวา ซึ่งเป็นจุดที่เขาจำต้องปรับแต่งถัดไป บังโมเปรียบเทียบตำนานกัปตันสตีวี่จี นี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ความรวดเร็ว แล้วก็ความแข็งแกร่งของเขาป่วนปั่นเกมรับมิลาน กระทั่งตั้งกระบวนยุทธต่อกรไม่ไหว

มีบ่อยที่ “บังโม” เกือบจะที่จะจ่ายบอลไปซุกก้นตาข่ายในตอนครึ่งแรก “บังโม” เพิ่งจารึกชื่อเป็นนักฟุตบอลทำแต้มเร็วสุด 100 ลูกในเกมลีกลำดับที่ 5 ส่วนแมตช์นี้เขาได้โอกาสบวกสกอร์ให้กลุ่มตั้งแต่ครึ่งแรกจากจุดลูกโทษ

แม้กระนั้นโชคร้ายที่ยิงไม่ดี โดย ไมค์ เมนญอง เซฟได้ แต่ว่าท้ายที่สุดสตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ก็มาซัดประตูสำคัญช่วยกลุ่มในตอนต้นช่วงหลังได้สำเร็จ แมตช์นี้ ซาลาห์ สามารถใช้ความเร็วแล้วก็ความคล่องตัวจัดแจงกับ เตโอ แอร์กน็องเดซ ตัวบุกปีกซ้ายมิลาน จนกระทั่งเล่นไม่ออก

ผลงานของเขาช่วยทำให้ปรับหงส์แดง มีเกมบุกที่หวือหวา แล้วก็อันตรายเมื่อใดก็ตามบอลอยู่ในเท้า “บังโม” เวลาเดียวกัน ซาลาห์ ก็ยังติดต่อประสานงานได้อย่างดียิ่งกับ ดิว็อค โอริกี้ ในจังหวะที่ทำประตูตีเสมอ 2-2 ส่วน ดีโอโก้ โชต้า แม้ว่าจะไม่มีชื่อทำคะแนน แต่ว่าการที่รอเชื่อมเกมระหว่างดินแดนหน้ากับดินแดนกึ่งกลางของเขามีความจำเป็นอย่างยิ่ง

https://www.shopallexclusive.com/